YCH GROUP บทความ

กระบวนการการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) หรือ PM
กระบวนการการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) หรือ PM คือ การดูแลรักษาเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันปัญหาหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ต้องรอให้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์เกิดความเสียหายหรือหยุดทำงานก่อน การบำรุงรักษาเชิงป้องกันนี้ช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์
ขั้นตอนกระบวนการ Preventive Maintenance
-
การวางแผนและการกำหนดตารางเวลา (Planning and Scheduling)
-
ขั้นตอนแรกของการบำรุงรักษาเชิงป้องกันคือการวางแผนและกำหนดตารางเวลาในการบำรุงรักษา โดยจะต้องพิจารณาเงื่อนไขการใช้งานและสภาพการทำงานของเครื่องจักร
-
กำหนดเวลาในการบำรุงรักษา (เช่น ทุก 3 เดือน, ทุก 6 เดือน หรือทุกปี) หรือขึ้นอยู่กับการใช้งานที่หนักหน่วง
-
สร้างแผนการบำรุงรักษาที่เหมาะสม โดยสามารถใช้ซอฟต์แวร์ CMMS (Computerized Maintenance Management System) ช่วยในการจัดการตารางเวลาและการตรวจสอบ
-
-
การตรวจสอบและบำรุงรักษา (Inspection and Maintenance)
-
การบำรุงรักษาจะรวมถึงการตรวจสอบองค์ประกอบของเครื่องจักร เช่น การตรวจสอบสภาพของชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น สายพาน, มอเตอร์, ปั๊ม, แบริ่ง หรือส่วนที่เคลื่อนไหวอื่น ๆ
-
ตรวจสอบการเสื่อมสภาพของวัสดุที่อาจทำให้เกิดการเสี่ยง เช่น การสึกหรอของชิ้นส่วนสำคัญ การรั่วซึมของน้ำมัน หรือความผิดปกติในเครื่องจักร
-
เปลี่ยนหรือซ่อมแซมชิ้นส่วนที่สึกหรอหรือมีการเสื่อมสภาพ เช่น การเปลี่ยนกรองน้ำมัน, ไส้กรองอากาศ, สายพาน หรือซีล
-
-
การทดสอบ (Testing)
-
หลังจากที่ทำการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหายแล้ว ต้องมีการทดสอบเครื่องจักรหรืออุปกรณ์เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องจักรทำงานได้ตามปกติ
-
การทดสอบนี้อาจรวมถึงการตรวจสอบการทำงานของเครื่องจักรในสภาพการทำงานที่เหมาะสม การทดสอบการควบคุมระบบต่าง ๆ และการตรวจสอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
-
-
การบันทึกข้อมูล (Documentation)
-
การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามและประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการบำรุงรักษา
-
ข้อมูลที่ต้องบันทึกอาจประกอบด้วย:
-
วันที่และเวลาของการบำรุงรักษา
-
รายละเอียดของการบำรุงรักษาที่ทำ
-
ผลลัพธ์จากการทดสอบหลังจากการบำรุงรักษา
-
อะไหล่หรือวัสดุที่ใช้ในการบำรุงรักษา
-
-
-
การตรวจสอบและประเมินผล (Evaluation)
-
หลังจากการบำรุงรักษา, เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต้องถูกตรวจสอบเพื่อประเมินผลและประสิทธิภาพในการทำงาน
-
หากพบปัญหาหรือข้อบกพร่องในระหว่างการทดสอบหรือการใช้งาน ควรนำมาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการหรือแผนการบำรุงรักษา
-
ประเมินข้อมูลจากการบำรุงรักษาก่อนหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจักรได้รับการดูแลอย่างเพียงพอ
-
-
การปรับปรุงแผนการบำรุงรักษา (Review and Improvement)
-
บทเรียนจากการบำรุงรักษาควรถูกนำมาพิจารณาเพื่อปรับปรุงแผนการบำรุงรักษาในอนาคต
-
ปรับปรุงแผนการบำรุงรักษาโดยพิจารณาจากข้อบกพร่องหรือข้อเสนอแนะที่ได้รับจากทีมงานหรือการบำรุงรักษาครั้งก่อน
-
ข้อดีของการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
-
ลดความเสี่ยงจากการหยุดทำงานของเครื่องจักร (Downtime)
-
การบำรุงรักษาเชิงป้องกันช่วยลดโอกาสที่เครื่องจักรจะหยุดทำงานกะทันหันและลดเวลาที่เครื่องจักรไม่สามารถใช้งานได้
-
-
ยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร (Prolong Equipment Life)
-
การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ลดความเสี่ยงของการเสื่อมสภาพที่เกิดขึ้นจากการใช้งานอย่างหนัก
-
-
ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (Improved Production Efficiency)
-
เครื่องจักรที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้การผลิตเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
-
-
ลดต้นทุนการซ่อมแซม (Reduce Repair Costs)
-
การบำรุงรักษาเชิงป้องกันสามารถช่วยหลีกเลี่ยงการซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรในระยะยาว
-
-
เพิ่มความปลอดภัย (Enhanced Safety)
-
การตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรให้ทำงานอย่างสมบูรณ์ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุหรือการทำงานที่อาจเป็นอันตรายต่อพนักงาน
-
สรุป
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เป็นกระบวนการที่สำคัญในการรักษาความพร้อมในการทำงานของเครื่องจักร โดยการทำความสะอาด, การตรวจสอบ, การบำรุงรักษา, การทดสอบ, และการบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างยั่งยืน