YCH GROUP บทความ

OEE (Overall Equipment Efficiency) หรือ ประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์
OEE (Overall Equipment Efficiency) หรือ ประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์
เป็นการวัดประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในการผลิตโดยรวม ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารหรือผู้ดูแลระบบการผลิตสามารถติดตามและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
OEE เป็นการวัดที่ใช้สามองค์ประกอบหลักในการคำนวณ คือ Availability, Performance, และ Quality ซึ่งจะให้ข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องจักรในกระบวนการผลิต
องค์ประกอบหลักของ OEE:
1. Availability (ความพร้อมใช้งาน)
o วัดระยะเวลาที่เครื่องจักรสามารถทำงานได้จริง เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่เครื่องจักรพร้อมใช้งานทั้งหมด
o การคำนวณ: Availability= (เวลาใช้งานจริง /เวลาใช้งานจริงเวลาที่เครื่องจักรพร้อมใช้งานทั้งหมด)×100
o ปัจจัยที่มีผล: การหยุดเครื่องจักร (เช่น การซ่อมบำรุง, การเสียเวลาในระหว่างการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์)
2. Performance (ประสิทธิภาพการผลิต)
o วัดประสิทธิภาพในการผลิต โดยการเปรียบเทียบระหว่างอัตราการผลิตที่ควรจะได้กับอัตราการผลิตจริง
o การคำนวณ: Performance= (อัตราการผลิตจริง/อัตราการผลิตที่ควรจะเป็น)×100
o ปัจจัยที่มีผล: ความเร็วในการทำงานที่ช้ากว่าเป้าหมาย, การลดลงของความเร็วเครื่องจักรในกระบวนการ
3. Quality (คุณภาพ)
o วัดจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้โดยไม่มีข้อบกพร่อง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน เมื่อเทียบกับจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตทั้งหมด
o การคำนวณ: Quality=(ผลิตภัณฑ์ที่ดี/ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด)×100
o ปัจจัยที่มีผล: ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่องหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
การคำนวณ OEE:
หลังจากได้ค่าจากแต่ละองค์ประกอบแล้ว OEE สามารถคำนวณได้จากสูตร:
OEE=Availability×Performance×Quality
ตัวอย่างการคำนวณ:
สมมติว่าเครื่องจักรมีข้อมูลดังนี้:
• Availability = 85% (เครื่องจักรทำงานได้ 85% ของเวลาที่มันควรจะพร้อมใช้งาน)
• Performance = 90% (เครื่องจักรทำงานที่ความเร็ว 90% ของที่มันควรจะทำ)
• Quality = 95% (ผลิตภัณฑ์ 95% ไม่มีข้อบกพร่อง)
OEE = 85% × 90% × 95% = 72.675%
ในตัวอย่างนี้ OEE ของเครื่องจักรคือ 72.675% ซึ่งบ่งชี้ว่าเครื่องจักรสามารถทำงานได้เต็มที่ 72.675% ของประสิทธิภาพสูงสุดที่มันสามารถทำได้
ประโยชน์ของ OEE:
1. ระบุจุดบกพร่อง: OEE ช่วยในการระบุปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เช่น ความล่าช้า, การหยุดเครื่องจักร, หรือปัญหาด้านคุณภาพ
2. ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต: การวัด OEE ทำให้สามารถปรับปรุงการใช้เครื่องจักรและกระบวนการผลิตโดยรวมได้
3. ลดต้นทุนการผลิต: การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรจะช่วยลดการใช้ทรัพยากร เช่น พลังงาน, วัสดุ และเวลา
4. เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: การลดเวลาหยุดและการเพิ่มประสิทธิภาพทำให้สามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องจักรใหม่
สรุป:
OEE เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรในกระบวนการผลิต โดยการคำนวณจาก Availability, Performance, และ Quality เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจปรับปรุงการผลิตและลดต้นทุนการผลิตได้